บอกลาชาจืดจาง “แก้ชง” ให้เข้มข้นเหมือนร้านดัง
การแช่ชาไว้ในน้ำร้อนนานๆและใช้ผงชาซ้ำกันหลายครั้ง นอกจากจะทำให้ชามีรสฝาดแล้ว ยังส่งผลทำให้ชาไม่เข้มข้น ชงยังไงก็ไม่อร่อยอีกต่างหาก ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยาก โดยควบคุมเพียง 3 สิ่งคือ อุณหภูมิของน้ำ ระยะเวลาการแช่ชา และการตวงส่วนผสมที่แม่นยำ
เคล็ดลับแก้ชงในการชงชาให้เข้มข้น มีขั้นตอนดังนี้
- เตรียมน้ำร้อน (อุณหภูมิประมาณ 90-95 องศาเซลเซียส) 3 ส่วน ต่อผงชา 1 ส่วน
- ค่อยๆเทน้ำร้อนลงไปในผงชาให้ทั่วและใช้ช้อนคนอีกครั้ง เพื่อให้น้ำและความร้อนกระจายทั่วถึง
- จากนั้นแช่ทิ้งไว้ 5 นาที จะทำให้ชานั้นมีรสชาติที่ดีและมีความหอม แต่ระวังอย่าแช่นานเกินไปเพราะจะทำให้รสชาฝาดเฝื่อน
- เมื่อครบกำหนดเวลา ให้กรองเอากากชาออกและเทน้ำชาที่ได้ผ่านกากชา เทกลับไปกลับมาประมาณ 3-4 รอบ เคล็ดลับสำคัญคือ ดึงกระป๋องให้สูงเพื่อให้น้ำชาสัมผัสกับอากาศได้มาก จะทำให้ได้รสชาที่เข้มข้นพอดี
ถ้าต้องการชงเมนู “ชาเย็น”
เพียงเติมครีมเทียมข้นหวานและข้นจืดฟอลคอน เพื่อเพิ่มความเข้มข้น
หอมมัน ชูกลิ่นและรสชาติของชาได้ดียิ่งขึ้น
ความเปรี้ยวแหลมหมดไป “แก้ชง” ให้กาแฟโบราณกลมกล่อม
เมนูกาแฟโบราณเป็นเมนูอมตะสำหรับกลุ่มคนที่รักความเข้มและความหอมของกาแฟ แต่ปัญหาส่วนใหญ่สำหรับนักชงที่ไม่คุ้นชินกับการชงกาแฟโบราณ นั่นก็คือ จะทำอย่างไรให้ไม่มีรสเปรี้ยวแหลม แต่ยังคงความหอมเข้มข้นที่ชัดเจนในทุกรสสัมผัสเคล็ดลับแก้ชงในการลดความเปรี้ยวแหลมคือเรื่องของ “อุณหภูมิน้ำ” เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำส่งผลต่อการชงเป็นอย่างมาก โดยระดับอุณหภูมิความร้อนที่แนะนำควรอยู่ที่ 90-95 องศาเซลเซียส แต่หากยังคงรู้สึกว่ากาแฟมีรสเปรี้ยวแหลมอยู่ ก็สามารถเพิ่มอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นได้อีก เพียงเท่านี้ก็จะลดความเปรี้ยวไปได้มากเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถชงกาแฟกับครีมเทียมข้นหวานฟอลคอน
เพื่อช่วยลดความฝาดและความเปรี้ยวจากเมล็ดกาแฟคั่วเข้มอย่างกาแฟโบราณได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ผงชาเขียวเป็นก้อนเพียบ “แก้ชง” ยังไงให้หมดไป
เอาใจคนไม่ดื่มกาแฟกันบ้างกับการชงเมนู “ชาเขียวลาเต้เย็น” โดยปัญหายอดนิยมที่พบเจอบ่อยคือ ชงกี่ทีผงชาเขียวก็จับตัวเป็นก้อน กองอยู่ก้นแก้ว รวมถึงส่วนผสมไม่เข้ากันเคล็ดลับแก้ชงในการแก้ปัญหาผงชาเขียวเป็นก้อนและไม้เด็ดที่จะทำให้ชาเขียวอร่อยไม่เหมือนใคร มีขั้นตอนดังนี้ (สูตรสำหรับแก้วขนาด 22 ออนซ์)
- นำผงชาเขียวมัทฉะ 10 กรัมใส่ลงในแก้วชง
- ค่อยๆเทน้ำร้อน (ไม่เดือนพล่าน อุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส) 3 ออนซ์ ลงไปและคนให้ละลายเข้ากัน เคล็ดลับสำคัญคือให้คนเป็นวงกลมเพื่อให้ผงชากระจายออก จากนั้นคนขึ้นลงไปเรื่อยๆจนเกิดฟองนวล ในขั้นตอนนี้ห้ามเทน้ำร้อนใส่แก้วก่อนผงชาเขียวโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้ผงชาจับตัวกันเป็นก้อนและไม่ละลาย
- ผสมครีมเทียมข้นหวานฟอลคอน 2 ออนซ์ และนมข้นจืดฟอลคอน 1 ออนซ์ คนให้เข้ากันและนำไปเทรวมกับน้ำชาเขียวที่ได้ คนให้เข้ากันอีกครั้ง
- เตรียมน้ำแข็งใส่แก้วขนาด 22 ออนซ์ เทชาเขียวที่ผสมเรียบร้อยแล้วลงไป ก่อนจัดเสิร์ฟ สามารถตกแต่งด้วยฟองนมที่ตีจากนมยูเอชทีสำหรับตีฟองของฟอลคอน ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าของเมนูนี้ได้มากขึ้น
ชงทั้งทีไม่มีครีม่า “แก้ชง” ให้ได้อย่างมือโปร
โครงสร้างของเอสเปรสโซ่ที่ดีคือจะต้องมีชั้นครีม่า (Crema) ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ มีสีน้ำตาลทอง และความหนาประมาณ 3-4 มิลลิเมตร อีกทั้งจะต้องคงสภาพอยู่ได้นาน มีกลิ่นหอม และให้รสกลมกล่อมนุ่มนวล แต่นักชงหลายท่านอาจจะเคยประสบปัญหาเรื่องกาแฟไม่มีครีม่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำกาแฟเสียกลิ่นและรสชาติไปเคล็ดลับแก้ชงให้ได้ชั้นครีม่าที่ดี ได้แก่
- การบดเมล็ดกาแฟหยาบเกินไป จะทำให้น้ำกาแฟถูกสกัดออกมาได้ง่าย (โดยปกติ 1 ออนซ์/ช็อต จะใช้เวลาสกัด 20-25 วินาที และ 2 ออนซ์/ช็อต จะใช้เวลาสกัด 25 – 30 วินาที) ทำให้กาแฟมีรสเปรี้ยว กาแฟจืด มีชั้นครีม่าน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นควรบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียดขึ้น จะสามารถทำ Perfect shot ได้
- น้ำหนักการกด/การแท็มป์กาแฟแรงเกินไป จะส่งผลให้น้ำไหลช้าหรือไม่ไหลเลย ทำให้กาแฟมีรสขม ฝาด กลิ่นเหม็นไหม้ติดคอ ดังนั้นควรใช้น้ำหนักการกดกาแฟให้เบาลง และเหมาะสมกับความละเอียดของเมล็ดกาแฟที่นำมาบด
- การบดกาแฟทิ้งไว้นานเกินไปทำให้มีโอกาสสัมผัสกับอากาศนาน ซึ่งกาแฟจะคลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากขึ้น เมื่อนำไปชงกาแฟจะได้ครีม่าน้อย ดังนั้นควรบดเมล็ดกาแฟแก้วต่อแก้วหรืออย่างน้อยไม่ควรบดทิ้งไว้เกิน 15 นาที และควรใช้เมล็ดกาแฟให้หมดภายใน 7 วันหลังจากเปิดถุงแล้ว
การเลือกเมล็ดของกาแฟก็มีผลเช่นเดียวกัน
ถึงจะไม่ส่งผลโดยตรง100%แต่เมล็ดกาแฟก็มีส่วนช่วยให้กาแฟของคุณมีรสชาติดีขึ้น
และเสริมให้เกิดครีม่าได้เช่นกันอีกด้วย
ชงแล้วกลิ่นหาย “แก้ชง” ยังไงให้ไม่กลบกลิ่น
ปัญหาการชงชา-กาแฟอีกข้อก็คือ กลิ่นชา-กาแฟหายและถูกกลบด้วยส่วนผสมอื่น แถมรสชาติก็ไม่กลมกล่อมอีกเคล็ดลับแก้ชงให้ชา-กาแฟมีกลิ่นหอมชวนดื่ม ได้แก่
- การเก็บรักษาผงชา-เมล็ดกาแฟ ควรเก็บไม่ให้โดนแสงแดดและอากาศโดยตรง เนื่องจากแสงแดดจะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นจนทำให้คุณภาพและกลิ่นลดลง วิธีที่ดีคือเก็บในโถหรือภาชนะที่มิดชิด
- อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 90 - 95 องศาเซลเซียส และไม่ควรนำมาต้มหรือใช้ซ้ำ เนื่องจากจะทำให้ออกซิเจนในน้ำหายไป และทำให้ไม่สามารถสกัดกลิ่นและความอร่อยจากผงชา-เมล็ดกาแฟออกมาได้
- ส่วนผสมที่ใช้ เช่น นมข้นหวาน นมข้นจืด ก็ต้องมีคุณสมบัติที่ไม่กลบกลิ่นหอมของชา-กาแฟ รวมถึงสามารถชูสีสัน ความหอม และรสชาติที่กลมกล่อมให้กับเครื่องดื่มอีกด้วย หากเลือกใช้ส่วนผสมผิดก็จะทำให้กลิ่นและเอกลักษณ์ของชา-กาแฟจางหายไป
ผลิตภัณฑ์นมฟอลคอน ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการชงเครื่องดื่มโดยเฉพาะ ให้ความกลมกล่อม หอมมัน และชูรสชาติชา-กาแฟได้อย่างชัดเจน ลองเลย!
ยังมีสาระระความรู้ และเมนูชงแล้วรวยอีกมากมายให้ติดตามที่ falconforprofessional.com