1 อันดับแรกควรดูวันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุก่อน
จำง่าย ๆ ว่ากาแฟจะหอมที่สุดหลังคั่วเสร็จใหม่ ๆ จากนั้นความหอมจะลดลงเรื่อยๆ แม้ปกติกาแฟจะเก็บได้นาน 6-12 เดือนก็ตาม แต่เราก็ควรเลือกถุงที่ใหม่กว่าเพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่สมบูรณ์
จำง่าย ๆ ว่ากาแฟจะหอมที่สุดหลังคั่วเสร็จใหม่ ๆ จากนั้นความหอมจะลดลงเรื่อยๆ แม้ปกติกาแฟจะเก็บได้นาน 6-12 เดือนก็ตาม แต่เราก็ควรเลือกถุงที่ใหม่กว่าเพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่สมบูรณ์
2 เลือกซื้อถุงขนาดเล็กหรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้
คำนวนให้เมื่อเปิดถึงแล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 1 สัปดาห์จะดีที่สุด
คำนวนให้เมื่อเปิดถึงแล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 1 สัปดาห์จะดีที่สุด
3 Single Origin ตามด้วยชื่อเมืองที่ระบุบนถุงกาแฟ
หมายถึงเป็นกาแฟที่มีรสชาติเฉพาะตัวเป็นพิเศษจากการผลิตของเมืองนั้น ๆ
หมายถึงเป็นกาแฟที่มีรสชาติเฉพาะตัวเป็นพิเศษจากการผลิตของเมืองนั้น ๆ
4 Espresso หรือ Dark Roast
คือเมล็ดกาแฟคั่วแบบเข้มข้น หากต้องการเมล็ดกาแฟคั่วระดับกลาง ๆ ให้เลือก Medium Roast
คือเมล็ดกาแฟคั่วแบบเข้มข้น หากต้องการเมล็ดกาแฟคั่วระดับกลาง ๆ ให้เลือก Medium Roast
5 เมล็ดกาแฟจะคายอากาศและความชื้น
ซึ่งส่งผลให้คุณภาพลดลงและอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ จึงควรเลือกกาแฟที่บรรจุในซองระบายอากาศ หรือ Freshness Wolves
ซึ่งส่งผลให้คุณภาพลดลงและอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ จึงควรเลือกกาแฟที่บรรจุในซองระบายอากาศ หรือ Freshness Wolves
6 เมล็ดกาแฟคั่ว ไม่ถูกกับแสงแดดและความชื้น
จึงควรเลือกที่เก็บพ้นจากแสงแดดและไม่เก็บในตู้เย็น เพราะจะทำให้เมล็ดกาแฟชื้น นอกจากนี้กลิ่นอาหารต่างๆในตู้เย็นจะติดเมล็ดกาแฟอีกด้วย
จึงควรเลือกที่เก็บพ้นจากแสงแดดและไม่เก็บในตู้เย็น เพราะจะทำให้เมล็ดกาแฟชื้น นอกจากนี้กลิ่นอาหารต่างๆในตู้เย็นจะติดเมล็ดกาแฟอีกด้วย
คุณภาพของเมล็ดกาแฟคั่ว ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่เรื่องของสายพันธุ์ สถานที่ปลูก การบ่มรสชาติ การคั่ว ไปจนถึงเรื่องของบรรจุภัณฑ์ และระยะเวลาในการวางขาย ในฐานะผู้ซื้อเราจึงต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อเมล็ดกาแฟคั่วทุกครั้ง