ชงชาใส่ขวด ธุรกิจออนไลน์ สร้างอาชีพ เสริมกำไร

รู้จักกับใบชา

ใบชาแต่ละชนิดมีกรรมวิธีที่แตกต่างกัน ให้สี กลิ่น และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งได้ 4 ชนิด คือ

• ชาขาว มาจากยอดชาที่อ่อนมากๆ เมื่อชงแล้วจะมีสีเหลืองอ่อนๆ
• ชาอู่หลง มาจากยอดอ่อนและใบ เมื่อชงแล้วจะมีสีเหลืองและมีรสชาติเฉพาะตัว
• ชาเขียว มาจากการการนำใบชาสดมาผ่านความร้อนเพื่อทำให้ใบชาแห้งอย่างรวดเร็วโดยไม่ผ่านการหมัก ทำให้ได้ใบชาที่แห้งแต่ไม่มากยังคงสดอยู่บ้าง เมื่อชงจะได้น้ำชาสีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีเขียวอ่อน สี กลิ่น และรสชาติของชาจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารคาเทชินที่มีอยู่ในชา โดยฤดูการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว จะมีผลต่อระดับของสารคาเทชิน
• ชาดำ มาจากชาที่ผ่านกระบวนการหมักเต็มที่ มีกลิ่นเฉพาะตัว และมีรสฝาด

อุณหภูมิของน้ำมีผลต่อการชงชา

การชงชาแต่ละชนิด ควรเติมน้ำปริมาณที่พอเหมาะกับปริมาณใบชาที่ใส่ไป อาทิเช่น น้ำ 5 ถ้วยตวง ต่อ ใบชา 5 ช้อนชา อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทของชาที่ใช้ชง หากชาที่ใช้ผ่านการหมักบ่มมานาน เช่น ชาดำ น้ำที่ใช้ชงจะต้องร้อนยิ่งขึ้น (ประมาณ100 องศาเซลเซียส) แต่ถ้าชาที่ผ่านกระบวนการหมักน้อย เช่น ชาอู่หลง หรือไม่ผ่านการหมัก เช่น ชาขาว ชาเขียว ควรจะชงในน้ำที่ไม่ร้อนมาก (80-100 องศาเซลเซียส)

กรองชาในน้ำเดือดเพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น

วิธีการที่จะเก็บชาที่เราชงไว้ได้นาน ต้องเริ่มจากการกรอง คือใช้น้ำร้อนที่เดือดจัดๆ ในการสกัดน้ำจากใบชา เพื่อให้ได้ความเข้มข้นของรสชาติจากใบชา จากนั้นกรองกากชาออก เมื่อได้น้ำชาที่ผ่านการกรอง ก็สามารถเติมนมข้นหวาน นมข้นจืด น้ำตาลทราย ฯลฯ ตามสูตรได้เลย หลังจากใส่ส่วนผสมครบทุกอย่างแล้ว คนให้เข้ากัน และนำไปต้มให้เดือดอีกครั้ง โดยขั้นตอนนี้ไม่ต้องต้มให้เดือดนาน เพราะจะทำให้สีและรสชาติเข้มจนเกินไป การต้มในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างมีอุณหภูมิเท่ากัน ก่อนบรรจุลงขวด

นมข้นจืดและครีมเทียมข้นหวาน ช่วยลดความฝาดและไม่กลบกลิ่นชา

นมข้นจืดและครีมเทียมข้นหวาน เป็นวัตถุดิบที่สำคัญอย่างมากในการชงชาและกาแฟที่ควรให้ความสำคัญในการเลือกใช้ เพราะนมบางตัวอาจจะเข้าไปกลบกลิ่นของชาและกาแฟจนหมดทำให้ไม่ได้กลิ่นของชากาแฟที่แท้จริง ดังนั้นในการเลือกใช้นมควรจะเลือกนมที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน อย่างผลิตภัณฑ์นม ตรานกเหยี่ยว ฟอลคอน ทั้งนมข้นจืดและครีมเทียมข้นหวาน นกเหยี่ยว ฟอลคอน เพราะนอกจากจะสามารถช่วยให้ส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากันเป็นอย่างดีแล้ว ยังสามารถช่วยชูสีสัน เพิ่มรสชาติกลมกล่อม เพิ่มความหอม และลดความฝาด โดยไม่กลบกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของชาและกาแฟ

ฆ่าเชื้อด้วยวิธีพาสเจอร์ไรส์จะช่วยเก็บรักษาชานาน 3 สัปดาห์

ก่อนที่จะบรรจุเครื่องดื่มที่ชงใส่ขวด ควรนำขวดไปลวกในน้ำเดือด เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ด้วยการต้มน้ำให้เดือด ใส่ขวดลงต้มโดยให้จมน้ำ ลวกประมาณ 5-10 วินาที ยกขึ้น คว่ำขวด ตากไว้ให้แห้ง เมื่อแห้งรีบบรรจุน้ำชาและปิดฝา เพื่อไม่ให้อากาศเข้าไป จากนั้นนำชาที่บรรจุเรียบร้อยไปแช่ในน้ำแข็ง โดยแช่ให้น้ำแข็งกลบขวดให้มิด ประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้เป็นการปรับอุณหภูมิให้ลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่ออุณหภูมิน้ำชาในขวดลดลงหรือเย็นลงแล้ว ให้นำไปแช่ในตู้เย็น เพื่อรักษาอุณหภูมิเอาไว้ ซึ่งวิธีนี้เป็นการพาสเจอร์ไรส์จะสามารถเก็บชาได้นานประมาณ 3 สัปดาห์ เป็นวิธีที่ง่าย สามารถทำเองได้ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่จะผลิตสินค้าเพื่อรอจำหน่าย

วิธีการคำนวณต้นทุนและกำไร

ปัจจุบันในท้องตลาดมีวัตถุดิบมากมาย หลากหลายคุณภาพและราคา วิธีการคำนวณต้นทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับผู้ประกอบการ โดยมีวิธีการคำนวณดังนี้

ตัวอย่างเช่น ต้นทุนใบชา

ดังนั้นใบชามีต้นทุนต่อขวด 2.5 บาท ผู้ประกอบการสามารถใช้วิธีเดียวกันนี้ ในการคำนวณวัตถุดิบทุกชนิดที่ใช้ในสูตร เพื่อนำมาคำนวณหาต้นทุนรวม